ก่อนจะมีคำว่าสตาร์ทอัพ ผมทำบริษัทผลิตซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นสำหรับโทรศัพท์มือถือมาตั้งแต่ปี 2002 เช่น Nokia รุ่นแรกๆ ที่มีกล้องถ่ายรูป ทำระบบภาษาไทย ทำโปรแกรมส่ง SMS ฯลฯ เราเป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทยที่ทำแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ พอทำมาได้ 8 ปี บริษัทดีแทคก็มาเทคโอเวอร์ โดยแบ่งกันถือหุ้นคนละครึ่ง จากนั้นก็ทำบริษัทนี้ต่อมาจนถึงปี 2015 ก็หยุดทำ เบ็ดเสร็จทำบริษัทมาราว 13 ปี จากนั้นตลาดมือถือเริ่มอิ่มตัวแล้ว เริ่มมีสมาร์ทโฟนมากขึ้น ไอโฟน ซึ่งสามารถโหลดแอพพลิเคชั่นฟรีได้เต็มไปหมด เราเลยทำตลาดได้ยากขึ้น คนที่ทำรายได้จากแอพพลิเคชั่นได้เหลือน้อยมาก ผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ฝ่ายเลยตัดสินในยุติบริษัทและปิดไปเมื่อราวกลางปีที่ผ่านมา
อย่างที่ผมทำ ผมมองว่ามันเป็นกึ่งๆ Automated Farming มากกว่า คือเราไม่ต้องทำอะไรเกี่ยวกับงานรูทีน เช่น รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ควบคุมความชื้นและแสง ฯลฯ เพราะเราตั้งค่าโปรแกรมไว้ได้ ปล่อยให้ระบบทำอัตโนมัติได้ ซึ่งจะเที่ยงตรงแม่นยำกว่าคนทำ ที่ฟาร์มจะมี Weather Station ต่างๆ คอยวัดระดับน้ำฝนและแรงลม เราก็เอาใส่โปรแกรมได้ว่าถ้าวันนี้ฝนตก เราก็ไม่ต้องรดน้ำ หรือถ้ามีพยากรณ์อากาศว่าอีก 2 วันฝนจะตก แล้วปกติต้องรดน้ำตอนเย็น ก็ไม่ต้องรด เป็นการประหยัดค่าน้ำไปด้วยในตัว รวมถึงว่าถ้ารดน้ำเยอะไปมันก็จะเน่า มีเชื้อโรค ไม่ดี เรารับข้อมูลจาก Weather Station ต่างๆ แล้วก็มาคำนวณว่าต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เราเขียนโปรแกรมต่างๆ โดยดึงข้อมูลจากหลายๆ ที่ เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลเครื่องวัดแรงลม ฯลฯ แล้วผสมผสานกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการเมื่อไม่มีพื้นฐานด้านการเกษตร เก็บเกี่ยวองค์ความรู้ใหม่ๆ ทั้งด้านเทคโนโลยีและการทำฟาร์มมาจากไหน
หลักๆ คือการเรียนรู้ด้วยตัวเองจากอินเทอร์เน็ต เพราะมีข้อมูลเยอะมากและไม่จำกัด เราหาได้เรื่อยๆ อยากรู้อะไรก็เสิร์ชได้ แล้วก็นำมาทดลองเอง นอกจากนั้นก็ศึกษาจากหนังสือทั้งในและต่างประเทศ แต่จะเป็นหนังสือต่างประเทศมากกว่า เพราะหนังสือในประเทศที่พูดถึงการปลูกพืชผักแบบสมัยใหม่ไม่ค่อยอัพเดทและมีให้อ่านน้อย และมักพูดถึงการทำฟาร์มในสเกลใหญ่ แต่ฟาร์มของเราสเกลไม่ใหญ่มาก ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งได้จากกรมวิชาการเกษตร พอมีปัญหาเรื่องข้อมูล ก็จะไปติดต่อสอบถามที่นั่น เขาก็จะให้คำแนะนำต่างๆ ทั้งวิธีการแก้เรื่องโรค แมลงศัตรูพืช ฯลฯ นักวิจัยจากกรมวิชาการเกษตรก็เคยมาช่วยดูและให้คำแนะนำกับฟาร์มของเรา 2-3 รอบแล้ว นอกจากนี้ผมก็ไปเรียนตามคอร์สต่างๆ ที่สอนปลูกผัก ซึ่งปัจจุบันมีค่อนข้างเยอะ ประมาณ 20-30 เจ้า ทำให้ได้ความรู้และข้อมูลอะไรใหม่ๆ มาพอสมควรเลย
ที่มา: Smarfarmdiy.com
ที่มา: Tcdc.co.th