เมื่อพูดคำว่าเกษตรกร คุณนึกถึงอะไร?
จากสถานการณ์ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรมีความผันผวน และไม่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคายาง อาทิ ผลผลิตยางพารามีเกินความต้องการของตลาด สภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และราคาน้ำมันที่ปรับโตสูงขึ้น แม้ไทยเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตยางที่สำคัญของโลก แต่กลับใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ค่อนข้างน้อย ทำให้มีส่วนในการกำหนดราคาน้อยกว่าจีน ที่ใช้ยางพารามากกกว่าไทย จึงทำให้ราคายางไทยมีความผันผวนสูง ซึ่งในระยะที่ผ่านมาผลผลิตยางพาราเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทำให้ราคายางพาราตกต่ำ
ขณะที่สถานการณ์ราคาผลปาล์มที่ปรับลดลงเช่นกัน เนื่องจากมีสต๊อกปาล์มเก่าที่ยังคงค้างอยู่สูง ซึ่งเป็นผลจากตลาดโลกที่ซบเซา รวมถึงสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ปาล์มสุกเร็ว ทำให้ผลผลิตปาล์มดิบออกสู่ตลาดมาก รัฐบาลได้มีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหา เช่น ปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล บี 20 รวมทั้งเข้มงวดตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ
ปัญหาราคาพืชผลทางเกษตรที่ผันผวน เป็นโจทย์สำคัญและท้าทายอย่างยิ่ง ภาครัฐจึงมีแนวทางแก้ไขปัญหา อาทิ
ประการแรก นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับข้อมูลด้านการเกษตร โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้พัฒนาระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุกออนไลน์ (Agri-Map Online) เครื่องมือที่แสดงผลข้อมูลเชิงภูมิสารสนเทศ สำหรับบริหารจัดการเกษตร ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและติดตามข้อมูลได้อย่างถูกต้องรอบด้าน นำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การเพาะปลูกและผลผลิตด้านการเกษตร ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งปัจจัยการผลิต อุปสงค์ อุปทาน ที่จะตอบโจทย์การช่วยเหลือ และแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรไทยได้
ประการที่สอง เร่งพัฒนา Smart Farmer ที่ให้เกษตรกรนำนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ใช้ภูมิปัญญา ความรู้ความเชี่ยวชาญ ผสมผสานกับเทคโนโลยี มาใช้หรือพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ ตลอดจนเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และนำไปวางแผนการผลิตให้มีปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดบนฐานข้อมูลราคาและการตลาดที่ถูกต้อง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยหนึ่งในแนวทางที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำมาใช้ในการพัฒนาให้เกิด Smart Farmer คือ การพัฒนา Big Data ด้านการเกษตรให้เป็นเอกภาพและเชื่อมโยงกับระบบของรัฐบาลให้ก้าวทันยุคดิจิทัล โดยใช้ฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง (Farmer ONE) ในการบริหารจัดการเชิงนโยบายด้วยการจัดทำ Big data ที่จะเชื่อมโยงกับภาคการตลาด ซึ่งจะช่วยให้ทราบปริมาณผลผลิต ช่วงเวลา แหล่งผลิตที่สำคัญ เพื่อใช้บริหารจัดการการจำหน่าย การกระจายสินค้า กำหนดราคาได้อย่างเหมาะสม
ประการที่สาม ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริไม่ยึดติดกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่มีความเสี่ยงสูง หากเกิดความผันผวนของราคาตลาดที่เป็นมาต่อเนื่อง
หลายปี อันเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่เกษตรกร
ถ้าภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวคือภาพของคนที่ยืนกลางแดดฝน ก้มหน้าก้มตาขุดดิน ชำกล้าแล้วล่ะก็ เราขอบอกว่าภาพเหล่านี้คือภาพที่กำลังจะกลายเป็น ‘อดีต’ เพราะว่าการทำเกษตรในยุคใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ เต็มไปด้วยความเป็นไปได้มากมาย ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไปจนถึงตลาดซื้อขายที่เปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ความต้องการของการซื้อผลผลิตทางการเกษตรในรูปแบบต่างๆ มีมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมการเกษตรเปลี่ยนไปอย่างมาก ก็คือการมาถึงของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะ เรื่องของ ‘Internet of Things’ หรือ IoT ที่เข้ามาทำให้วิถีของเกษตรรุ่นใหม่เปลี่ยนไปจากอดีต และอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของเกษตรกรแทบทุกด้าน หรือเรื่องของ AI ที่เข้ามาช่วยให้การเกษตรอัจฉริยะกลายมาเป็นความจริง
เราเลยอยากชวนคุณมาลองสำรวจกันดูว่านวัตกรรมเกษตรยุคนี้มีหน้าตาแบบไหน และหวังว่าหลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จนจบ ภาพของภาพยนตร์ Sci-fi ที่หุ่นยนต์สามารถทำงานด้วยตัวเองและช่วยเราดูแลผลผลิตทางการเกษตรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ จะผุดขึ้นมาแทนที่ เมื่อเราเอ่ยถึงคำว่าเกษตรกร
เกษตรในอดีต จนถึง Smart Farming
หากย้อนกลับไปในยุคอดีต วิถีชีวิตของเกษตรกรคือชีวิตที่แขวนไว้บนความไม่แน่นอน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพลม ฟ้า อากาศ เพียงอย่างเดียว จากนั้นมนุษย์จึงได้เริ่มคิดค้นผลิตสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความปลอดภัยและคาดเดาได้มากขึ้น เช่น เครื่องสูบน้ำที่จะทำให้พืชพรรณเติบโตได้แม้หน้าแล้ง รถไถนาที่ไม่ต้องไปใช้วัวหรือควายให้มันเหนื่อยอ่อน หรือ แม้แต่ยาฆ่าแมลง ที่ทำให้เราไม่ต้องกังวลในเรื่องความเสียหายของผลิตผล
ไม่ว่าในอดีตเราจะผลิตคิดค้นเครื่องอะไรขึ้นมามากมาย อุปกรณ์เหล่านั้นก็ยังจะต้องใช้แรงงานของคนอีกมากอยู่ดี แต่ในปัจจุบันยุคสมัยใหม่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและทำให้การทำการเกษตรง่ายและเบาแรงขึ้น เกษตรกรยุคใหม่ หรือ Smart Farmer เป็นยุคที่คนจะสามารถใช้แรงงานที่น้อยลง แต่สามารถสร้างผลผลิตได้เท่าเดิม หรือ มากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างง่ายดาย เพราะด้วยเทคโนโลยีอย่างระบบของ AI ปัญญาประดิษฐ์ และ IoT ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน มาไว้ในอุปกรณ์ควบคุมชิ้นเดียว
พูดให้เห็นภาพก็คือ ต่อจากนี้ชีวิตของ Smart Farmer หรือเกษตรกรยุคใหม่จะสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์การเกษตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบรดน้ำ โดรนพ่นปุ๋ย หรือรถที่สามารถดำนาได้ด้วยตัวเอง ผ่าน Smartphone หรือ Tablet เล็กๆ ที่พกติดตัวไปได้ทุกที่
IoT นวัตกรรมแห่งอนาคต
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Internet of Things มาบ้างแล้ว มันเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์เข้าใกล้ภาพยนตร์ Sci-fi มากขึ้นไปอีก แต่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้ว IoT คืออะไร แล้วจะมาเปลี่ยนชีวิตของเราได้อย่างไรกันแน่?
Internet of Things คือ เครือข่ายของสิ่งของที่เชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต หมายความว่า นวัตกรรมนี้จะมาทำให้สิ่งของในชีวิตประจำวันเชื่อมต่อกันทั้งหมด โดยที่เราสามารถควบคุมสิ่งเหล่านั้นได้ผ่านอุปกรณ์ เช่น การที่เราสามารถสั่งการเปิด-ปิดไฟ พัดลม แอร์ หรือประตูบ้าน ได้ด้วยการสั่งงานผ่านโทรศัพท์มือถือ ไม่ต่างจากโลกอนาคตในภาพยนตร์
ในภาคการเกษตร IoT ก็ได้เข้ามาปฏิวัติวงการการดูแลพืชพรรณหรือสวนของคุณ ให้ง่ายขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะคุณจะสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดฟาร์ม หรือ ติดตั้งอุปกรณ์ที่จะช่วย ‘ตัดสินใจ’ เช่น ระบบวัดความชื้นต่างๆ ที่จะสั่งให้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรดน้ำทำงานเมื่อพื้นที่นั้นๆ เริ่มแล้ง ทำให้คุณสามารถดูแลพืชผลของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
AI ในอุตสาหกรรมการเกษตร
เมื่อพูดถึง IoT เราก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึง AI หรือ Artificial Intelligence ด้วย เพราะสองเทคโนโลยีนี้ เมื่อนำมาใช้ควบคู่กันแล้วจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะ AI จะเป็นตัวที่คอยทำหน้าที่วิเคราะห์สิ่งต่างๆ อย่างชาญฉลาด ก่อนจะสั่งการให้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทำงานผ่านระบบ IoT ส่วนเราผู้ควบคุมก็คอยติดตามดูแลอยู่ห่างๆ ได้อย่างสบายใจ
เทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ตัวอย่างของ AI ที่ใกล้ตัวเราก็เช่น ระบบ GPS นำทางที่สามารถคำนวณหาเส้นทางที่รวดเร็วที่สุด หรือ ระบบ Chatbot ที่สามารถตอบคำถามที่เราสงสัยได้โดยอัตโนมัติ แต่ก็มี AI อีกบางประเภทที่ดูเหมือนจะไกลตัวหรือเป็นเรื่องของจินตนาการ แต่จริงๆ แล้ว มันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ระบบรถยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น
AI เข้ามาช่วยให้มนุษย์สะดวกสบายขึ้นในหลายด้าน เกษตรกรรุ่นใหม่สามารถวางระบบ AI ที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณแสง เพื่อควบคุมดูแลแปลงพืชพรรณโดยแทบจะไม่ต้องลงไปคลุกคลีด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยทำงานหนักๆ ให้ง่ายขึ้น หากเราเลือกที่จะใช้มันอย่างชาญฉลาด
เครดิต
ที่มา
thematter
Gnews
Smartfarmdiy